Onimusha: Way of the Sword การกลับมาของตำนาน และ "เส้นทางแห่งดาบ" ครั้งใหม่
Capcom ได้เปิดเผยข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Onimusha: Way of the Sword เกมภาคใหม่ล่าสุดของซีรีส์ Action ซามูไรปราบปีศาจ ที่ห่างหายไปนานเกือบ 20 ปี ในการสัมภาษณ์พิเศษกับ Kadowaki (Producer) และ Nihei (Director)
3 คอนเซ็ปต์หลัก และการ "Reboot" ซีรีส์
Nihei อธิบายว่า Onimusha: Way of the Sword มี 3 คอนเซ็ปต์หลัก:
- ตัวละครใหม่: ตัวเอกคนใหม่ (Miyamoto Musashi) และตัวละครที่มีเสน่ห์ (ทั้งฝ่ายดีและร้าย)
- ฉากใหม่: เมืองเกียวโต ที่มีสถานที่สำคัญ และตำนานมากมาย
- Action สุดยอด: นำเสนอ "ความสะใจในการฟัน" (バッサリ感 - Bassari-kan) ที่แฟน ๆ คิดถึง ด้วยเทคโนโลยีของ Capcom ในปัจจุบัน
เกมนี้จะเป็นการ "ตีความใหม่" (Reinterpretation) และ "สร้างใหม่" (Reconstruction) ของโลก Onimusha (รวมถึง Genma และ Oni Clan) โดย "ไม่มีความเชื่อมโยง" กับเนื้อเรื่องภาคเก่า เพื่อให้ผู้เล่นใหม่สามารถเข้าถึงได้ง่าย
ทำไมต้อง Toshiro Mifune สำหรับ Miyamoto Musashi?
การเลือก Toshiro Mifune นักแสดงซามูไรระดับตำนาน มาเป็นต้นแบบใบหน้า Miyamoto Musashi เป็นประเด็นที่ถูกพูดถึงอย่างมาก Nihei อธิบายว่า "ไม่ใช่เพราะ" Mifune เคยรับบท Musashi ในภาพยนตร์ แต่เพราะ "ภาพลักษณ์" ของ Mifune ตรงกับซามูไรที่สมจริง และต่อสู้อย่างดุเดือด ซึ่งเป็นภาพที่ทีมงานต้องการสำหรับ Musashi ในภาคนี้
Kadowaki เสริมว่า การได้ Mifune มาเป็นต้นแบบใบหน้า ถือเป็น เงื่อนไขสำคัญ ในการพัฒนาเกม และทีมงานได้เจรจาอย่างอดทนกับ Mifune Production เป็นเวลานาน โดยมีการนำเสนอ Prototype และอธิบายแนวทางการนำเสนอ จนได้รับการอนุมัติ
ทีมงานได้สร้างโมเดลใบหน้าจากภาพถ่ายและวิดีโอขาวดำ และทำงานร่วมกับ Mifune Production อย่างใกล้ชิด เพื่อให้ได้รายละเอียดที่ถูกต้อง (เช่น สีผิว, ตำแหน่งไฝ) โดยอิงจากภาพลักษณ์ของ Mifune ในช่วงอายุ 20 กลาง ๆ (จากภาพยนตร์ปี 1947-1950)
ระบบการต่อสู้: "Isshin", "Hajiki" และ "Ukenagashi"
Nihei ยืนยันว่าระบบ "Isshin" (一閃 - สวนกลับจังหวะสังหารหรือ Counter) และ "Hajiki" (弾き - ปัดป้อง หรือ Parry) จะกลับมา พร้อมระบบใหม่ "Ukenagashi" (受け流し - ปัดป้องต่อเนื่อง) ที่เมื่อทำสำเร็จหลายครั้ง จะ "เพิ่มพลัง" ให้กับดาบชั่วคราว
นอกจากนี้ ผู้เล่นยังสามารถ "ใช้สภาพแวดล้อม" ในการต่อสู้ เช่น ยกเสื่อทาทามิมาป้องกันลูกธนู หรือโยนเสื้อกิโมโนใส่ศัตรูเพื่อบดบังการมองเห็น สะท้อนถึงสไตล์การต่อสู้ที่ "พลิกแพลง" ของ Musashi

มี "ท่าไม้ตาย" ที่ใช้ "วิญญาณ" (Soul) ที่ดูดซับมาจากศัตรู คล้ายกับ "Senjutsu Kaku" (戦術殻) ในภาคก่อน ๆ และจะมีหลายรูปแบบ อาวุธหลักของ Musashi คือ "ดาบ"

ศัตรู "Genma" และโลกของเกม
ศัตรูหลักในภาคนี้คือ "Genma" (幻魔) สิ่งมีชีวิตจากขุมนรก (無間地獄 - Muken Jigoku) ที่ปรากฏตัวขึ้นจาก "ก้อนพลังงานปีศาจ" (瘴気 - Shouki) ซึ่งเกิดจาก "พลังงานด้านลบ" ของมนุษย์ Genma จะมีดีไซน์ที่เน้น "ความเป็นญี่ปุ่น" และ "ความน่าสะพรึงกลัว" (おどろおどろしさ - Odoroodoroshisa) มีทั้งขนาดเท่ามนุษย์ และขนาดมหึมา (เช่น Hyakukai - 百穢) โดยดีไซน์ส่วนใหญ่เป็น "Original" แต่อาจมี "กลิ่นอาย" ของ Yokai (ภูติผีปีศาจ) อยู่บ้าง
เกมจะเป็นแบบ "Stage-based" ไม่ใช่ Open-world ฉากหลักคือ "เกียวโต" ในยุคเอโดะตอนต้น และจะมี "เพื่อนร่วมทาง" ที่มีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับ Musashi ซึ่งเป็น "บุคคลที่มีตัวตนจริงในประวัติศาสตร์" และ "เกี่ยวข้องกับเกียวโต" (แต่ยังไม่เปิดเผยว่าเป็นใคร)
ความยาก และความยาวของเกม
Nihei กล่าวว่าเกม "ไม่ได้ตั้งใจ" ให้ยากระดับ "ตายเกิด" (死にゲー - Shinige) แต่เน้นให้ผู้เล่น Action "หลากหลาย" สามารถเล่นได้ และ "รู้สึกถึงความสำเร็จ" เมื่อเอาชนะได้ จะมี "RPG Elements" ให้ผู้เล่น พัฒนาตัวละคร เพื่อเอาชนะความท้าทายได้ ส่วน "ระดับความยาก" ยัง ไม่ได้ตัดสินใจ
Kadowaki คาดว่าความยาวของเกมจะอยู่ที่ประมาณ 20 ชั่วโมง (สำหรับเนื้อเรื่องหลัก) ส่วน Replayability กำลังพิจารณา อยู่
เสียงประกอบ และอนาคต
เสียงประกอบจะเน้น เครื่องดนตรีญี่ปุ่น (邦楽器 - Hougaku-ki) และถ่ายทอดอารมณ์ ของ Musashi ส่วนเพลงธีมยังไม่มีแผนที่จะจ้างศิลปินชื่อดัง
Onimusha 2: Samurai's Destiny Remaster จะวางจำหน่ายในเดือนพฤษภาคม 2025 ส่วน Onimusha: Way of the Sword ตั้งเป้าวางจำหน่ายภายในปี 2026
ที่มา: Famitsu