ทำไมโลกของ Fallout ถึงดูเหมือนติดอยู่ในยุค 1950s?
Fallout เป็นซีรีส์เกมแนวแอ็กชัน-RPG (Action Role-Playing Game) ที่มีฉากหลังเป็นโลก Dystopian (โลกที่ล่มสลาย) หลังเกิดสงครามนิวเคลียร์ครั้งใหญ่ เรื่องราวในเกมจะพาผู้เล่นไปสำรวจซากอารยธรรมเก่า ท่ามกลางซากปรักหักพังที่เต็มไปด้วยอันตรายจากกัมมันตภาพรังสี มนุษย์กลายพันธุ์ สัตว์ประหลาด และกลุ่มผู้รอดชีวิตที่เต็มไปด้วยเล่ห์เหลี่ยม ในโลกของ Fallout จะมีพื้นหลังทางประวัติศาสตร์ ที่แตกต่างจากโลกจริง ในช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่สอง ช่วงสงครามเย็นระหว่างสหรัฐฯ กับสหภาพโซเวียตที่ไม่เคยสิ้นสุด ทำให้โลกเข้าสู่ยุคแห่งการใช้นิวเคลียร์แทนเชื้อเพลิงฟอสซิล จนกระทั่งเกิดเหตุการณ์ "The Great War" ในปี 2077 ซึ่งเป็นสงครามนิวเคลียร์ที่กินเวลาเพียง 2 ชั่วโมง แต่ส่งผลให้โลกเข้าสู่ยุคหลังหายนะ โดยในแต่ละภาคของ Fallout ก็จะมีเนื้อเรื่อ งและตัวละครหลักต่างกัน แต่มีธีมร่วมกันคือการเอาชีวิตรอดในโลกหลังสงครามนิวเคลียร์ โดยผู้เล่นมักรับบทเป็นหนึ่งในผู้รอดชีวิตจาก Vaults ซึ่งเป็นที่หลบภัยใต้ดินที่สร้างขึ้นเพื่อปกป้องประชาชนจากหายนะนิวเคลียร์

ซีรีส์นี้มีจุดเด่นที่ไม่เหมือนใคร ด้วยการผสมผสานระหว่างธีมยุค 1950s กับแนวคิดไซไฟแบบเรโทร (Retrofuturism) และยังมีการเสียดสีสังคม การเมือง และทุนนิยมผ่านเนื้อเรื่องของเกมอย่างแยบยล โดยโลกของ Fallout นั้น อีกหนึ่งสิ่งที่เป็นจุดสนใจหลักๆ นั่นก็คือการที่ธีม และสถาปัตยกรรม ดูเหมือนจะถูกหยุดเวลาไว้ในยุค 1950s ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว นี่ไม่ได้เป็นเพียงแค่ธีมในการดีไซน์ และการออกแบบเกมเพียงเท่านั้น แต่มันยังเป็นการถูกออกแบบเพื่อสะท้อนแนวคิด และวิพากษ์วิจารณ์เรื่องสงครามนิวเคลียร์ และรูปแบบของทุนนิยม โดยเหล่าเหตุผลสำคัญหลักๆ ที่ทำให้เกมได้ใช้ธีมนี้ เป็นหัวใจของเรื่องราว และโลกภายในเกมก็จะมีดังนี้

Fallout กับความเป็นเรโทรฟิวเจอร์ริสติก (Retrofuturistic)
แม้เหตุการณ์ในเกมจะเกิดขึ้นในปี 2077 แต่สังคมอเมริกันในโลกของ Fallout ยังคงติดอยู่ในยุค 1950s ทั้งในเรื่องวัฒนธรรม และเทคโนโลยี โลกของเกมจึงเป็นการจำลองอนาคตตามจินตนาการของคนในยุค 1950s ที่คาดการณ์ไว้ว่าอนาคตจะเป็นอย่างไร และในโลกของ Fallout ก็เป็นการจินตนาการภาพเหล่านั้นให้ได้เกิดขึ้นจริง เพราะในโลกนั้นสงครามเย็นไม่เคยสิ้นสุด และเทคโนโลยีไม่เคยก้าวข้ามยุคนี้ไปไกลนัก เพราะเหล่าเทคโนโลยีได้ถูกเน้นไปที่การพัฒนาในด้านของการรบ และทางทหารเสียมากกว่า ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดคือ เหล่าเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ใช้จอ CRT รถยนต์ และเสื้อผ้าสไตล์ยุคเก่า หรือเกราะ Power Armor ขนาดใหญ่แบบเชยๆ สิ่งเหล่านี้ล้วนแสดงให้เห็นว่าการออกแบบของ Fallout ที่ว่าด้วยการนำเอาอดีตมาหลอมรวมกับอนาคต ในแบบที่ไม่เคยมีในโลกจริง

การเสียดสีสังคมผ่านภาพลักษณ์ยุค 1950s
เกม Fallout ไม่ได้ใช้ธีมยุค 1950s เพียงเพื่อสร้างบรรยากาศเท่านั้น แต่ยังเป็นเครื่องมือในการเสียดสี และตั้งคำถามถึงสังคม และการเมือง โดยเฉพาะเรื่องทุนนิยม และอันตรายของอาวุธนิวเคลียร์
การเสียดสีทุนนิยม Fallout ได้วิจารณ์ความโลภของทุนนิยมที่ไร้ขอบเขตผ่านบริษัทในเกม เช่น Vault-Tec ซึ่งใช้ประโยชน์จากความกลัวสงครามนิวเคลียร์ เพื่อเพิ่มผลกำไรของตนเอง ถึงขั้นก่อให้เกิดวันสิ้นโลกขึ้นจริง อีกทั้งตัวละคร และเหตุการณ์ในเกม ก็ยังสะท้อนถึงทุนนิยมที่พร้อมทำทุกอย่างเพื่อผลประโยชน์ แม้ว่าจะนำพามวลมนุษย์ไปสู่จุดจบก็ตาม
พลังงานนิวเคลียร์: ความหวังและหายนะในโลกของความเป็นจริงนั้น ในช่วงปี 1950s เป็นยุคที่อเมริกาได้หลงใหลในพลังงานนิวเคลียร์เป็นอย่างมาก แต่ขณะเดียวกัน ก็เป็นช่วงที่สงครามนิวเคลียร์คุกรุ่นที่สุด Fallout จึงได้ใช้ธีมนี้ เพื่อสะท้อนให้เห็นความขัดแย้งระหว่างพลังงานนิวเคลียร์ ที่อาจเป็นได้ทั้งประโยชน์ และภัยที่พร้อมจะทำลายล้างทุกสิ่ง

สารจากยุค 1950s สู่ Fallout
ทั้งหมดทั้งมวลที่ได้กล่าวไปข้างต้น ล้วนสรุปได้ว่ายุค 1950s นั้น เป็นช่วงเวลาที่ชัดเจนที่สุด ในการผสมผสานระหว่างความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี ความเชื่อมั่นในอนาคต และความหวาดกลัวต่อสงครามนิวเคลียร์ ทำให้มันกลายเป็นฉากหลังที่เหมาะสมที่สุด สำหรับการเสียดสี และการเล่าเรื่องสุดโต่งสไตล์ Fallout
ดังนั้น การเลือกใช้ธีมยุค 1950s นั้น ก็ไม่ได้เป็นเพียงแค่สไตล์ที่โดดเด่นของเกม แต่ก็ยังเป็นการช่วยสร้างเรื่องราวที่ลึกซึ้ง และก็เป็นการวิพากษ์สังคมได้อย่างแยบยล ทั้งในเรื่องพลังงานนิวเคลียร์ และทุนนิยมที่อาจพาโลกไปสู่ความหายนะอย่างไม่คาดคิด