Dragon Age: The Veilguard เกม RPG ภาคล่าสุดจาก BioWare ทำยอดขายได้น่าผิดหวัง ไม่ตรงตามเป้าที่ Electronic Arts (EA) คาดหวังไว้ นำไปสู่การปรับลดขนาดทีมพัฒนา ล่าสุด ผู้บริหารระดับสูงของ EA ได้ออกมาวิเคราะห์สาเหตุของความล้มเหลวนี้
Andrew Wilson ซีอีโอของ EA กล่าวว่า แม้ The Veilguard จะมีคุณภาพสูงและได้รับคำวิจารณ์ที่ดี แต่ก็ไม่สามารถดึงดูดผู้เล่นได้มากพอ โดย Wilson มองว่า เกมยุคใหม่จำเป็นต้องมีโหมดออนไลน์แบบ "Shared-World" ที่ผู้เล่นสามารถมีปฏิสัมพันธ์กันได้ ควบคู่ไปกับเนื้อเรื่องที่เข้มข้น ซึ่งเป็นสิ่งที่ The Veilguard ขาดไป
เป็นที่ทราบกันดีว่า The Veilguard เคยถูกพัฒนาให้เป็นเกมที่มีระบบ Live Service หรือโหมดออนไลน์แบบเล่นร่วมกัน แต่ภายหลังได้ถูกปรับเปลี่ยนให้เป็นเกม Singleplayer เต็มรูปแบบ หลังจากที่เกม Anthem ซึ่งเป็นเกม Live Service ของ EA ประสบความล้มเหลว คำพูดของ Wilson จึงเป็นการบอกใบ้ว่า EA มองว่าการตัดโหมดออนไลน์ออก คือสาเหตุหลักที่ทำให้ The Veilguard ไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควร
Stuart Canfield ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงินของ EA ก็เห็นด้วยกับ Wilson โดยชี้ว่า ผลประกอบการของ The Veilguard สะท้อนให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงของอุตสาหกรรมเกม และ EA จำเป็นต้องปรับตัว โดยมุ่งเน้นไปยังโอกาสที่มีศักยภาพสูงสุด
Wilson ยังเน้นย้ำว่า เกมที่มีระบบ Live Service นั้น สร้างรายได้ให้กับ EA ถึง 74% ของรายได้ทั้งหมด ซึ่งเป็นตัวเลขที่สูงมาก และยากที่จะทำได้จากการขายเกมแบบ Singleplayer เพียงอย่างเดียว
จากสถานการณ์ของ Dragon Age ดูเหมือนว่า EA อาจนำบทเรียนนี้ไปปรับใช้กับ Mass Effect ภาคต่อไป ซึ่งปัจจุบันยังอยู่ในขั้น Pre-Production และมีเพียงทีมงานหลักจำนวนไม่มากที่พัฒนาอยู่ มีความเป็นไปได้สูงว่า Mass Effect ภาคใหม่อาจมีระบบ Live Service หรือโหมดออนไลน์ เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้เล่นในยุคนี้ และเพิ่มโอกาสในการสร้างรายได้ให้กับ EA
ที่มา pcgamer