รีวิว Stellar Blade เกมดีที่ไม่ได้มีดีแค่ความเซ็กซี่

แชร์เรื่องนี้:

Overview

Stellar Blade เกม Action RPG ระดับ AAA เกมแรกจาก Shift Up สตูดิโอเกาหลีใต้ นำทีมโดย Kim Hyung-Tae อดีต Art Director จาก Blade & Souls ผู้สร้างเกมมือถือชื่อดังอย่าง Destiny Child และ Nikke เกมนี้ผ่านมรสุมดราม่ามากมาย แต่กลับกลายเป็นกระแสที่ทำให้คนรู้จักเกมนี้มากขึ้น คำถามคือ Stellar Blade มีดีแค่หน้าตาตัวละครจริงหรือ? บทความนี้จะพาคุณไปพิสูจน์

Story (7/10) - ช่วงแรกเอื่อย แต่หลังๆ เข้มข้น

Stellar Blade เล่าเรื่องราวในยุคที่โลกล่มสลายจากสัตว์ประหลาด “Naytibas” ผู้เล่นรับบทเป็น “Eve” หน่วยพลร่มที่ 7 ที่ถูกส่งมาจาก Colony บนอวกาศ ภารกิจของ Eve คือต่อสู้กับ Naytibas และทวงคืนโลกจากพวกมัน ระหว่างทาง Eve สูญเสียเพื่อนร่วมหน่วยมากมาย แต่ได้รับการช่วยเหลือจาก “Adam” ชายหนุ่มที่จะพาเธอไปยัง Xion บ้านหลังสุดท้ายของมนุษยชาติ การเดินทางเพื่อหยุดยั้ง Naytibas จึงเริ่มต้นขึ้น

ช่วงต้นเกมค่อนข้างน่าเบื่อ เน้นสอนระบบการเล่นและปูเรื่องราวมากเกินไป แต่หลังผ่านช่วงนี้ไป เกมจะเข้มข้นขึ้น โลกของเกมมีความน่าสนใจ ปมต่างๆ ถูกวางไว้ดี สามารถต่อยอดเป็นภาคต่อได้ แต่ตัวละคร Eve ค่อนข้างแบนราบ ไร้มิติ อาจเพราะบทและเสียงพากย์ที่ไร้อารมณ์

Side Quest ส่วนใหญ่เป็นน้ำ เน้นหาคนหาย กำจัด Naytibas หรือแก้ปริศนา ไม่ค่อยเสริมเนื้อเรื่องหลัก ถ้าอยากเสพเนื้อเรื่อง เน้นภารกิจหลักก็พอ ข้อดีคือเราจะได้เห็นความคิดของ Eve ในฐานะผู้ที่ไม่ได้อยู่บนโลกมาก่อน แต่ก็มีแค่นั้น

เกมใช้เวลาเล่น 10-15 ชั่วโมง หากเน้นเนื้อเรื่องหลัก แต่ผู้เขียนใช้เวลา 28 ชั่วโมง เพราะเก็บเควสเสริมและตายบ่อย ไม่ต้องกังวล เกมรองรับภาษาไทย แม้บางจุดแปลแปลกๆ แต่ก็ไม่ได้แย่ ไอเทมบางชนิดอ่านภาษาอังกฤษเข้าใจง่ายกว่า

Gameplay (9/10) - ส่วนผสมที่ลงตัวของหลายแนวเกม

Stellar Blade ผสมผสาน Action-Adventure, Hack & Slash และ Soulslike คล้าย Devil May Cry, God of War 2018 หรือ Nier Automata การต่อสู้ถึงเลือดถึงเนื้อ มีค่าพลังพื้นฐาน 4 อย่าง: HP, Shield, Beta Energy และ Burst Energy

ศัตรูมี HP, Shield และ Balanced ถ้าทำ Perfect Parry หลอด Balanced ศัตรูจะลดลง เมื่อหมด ใช้ท่า Finish ได้ มีคอมโบให้ใช้หลากหลาย อยู่ที่ความถนัดของผู้เล่น Parry กับ Dodge แม่นๆ หาจังหวะเคาเตอร์ดีๆ ก็เทพได้แล้ว

ระบบ Parry คล้าย Sekiro ต้องกะจังหวะเอง ไม่มีบอก แต่ Perfect Parry ทำให้เราได้เปรียบมาก ไม่มีบทลงโทษเมื่อตาย อาวุธระยะไกลช่วยตัดจังหวะ ชิงความได้เปรียบ มีหลายโหมดให้เลือกใช้ เช่น Charge Blaster และ Stinger บางภารกิจบังคับใช้ปืน ให้อารมณ์คล้าย Dead Space บรรยากาศดี แต่ผู้เขียนไม่ค่อยชอบ เพราะรู้สึก "Wanna Be" ใส่ความระทึกขวัญที่ไม่เข้ากับเกม

เนื้อเรื่องหลักเป็นเส้นตรง แต่มีพื้นที่กึ่ง Open World ให้สำรวจ ทำภารกิจเสริม หาไอเทม มี Camp ให้เซฟ ฟื้นฟู HP ซื้อไอเทม แต่แผนที่กว้างแต่เนื้อหาน้อย ทำให้ดูโล่งๆ

ระบบอัปเกรดเข้าใจง่าย หาทรัพยากรจากการต่อสู้ สำรวจ ซื้อจากร้านค้า อัปเกรดได้ที่ Camp ปรับแต่งตัวละครด้วย Exospine และ Gear เพิ่มความสามารถต่างๆ Exospine อัปเกรดเพิ่มความสามารถใหม่ได้ Gear ต้องหาเพิ่ม

มีค่าความสัมพันธ์กับร้านค้า ซื้อของเยอะ เลเวลอัป ปลดล็อกไอเทมใหม่ มี Collectible item 49 ชิ้น เพิ่มความจุไอเทม จุดที่ขัดใจคือการล็อกเป้าที่หลุดบ่อย แอนิเมชันปีนป่ายไม่สมูท ต้องลุ้นตลอดว่าจะรอดหรือร่วง

โดยรวมเกมเพลย์ดี ดีไซน์ศัตรูน่ากลัว บอสหลักเท่ ปริศนาไม่ยากไม่ง่าย เหมาะกับทุกคน ดีไซน์ตัวละครหลักมีเอกลักษณ์ เป็นลายเซ็นของ Kim Hyung-Tae

Performance (10/10) - ลื่นไหล ไร้ปัญหา

เล่นบน PS5 เกือบ 30 ชั่วโมง ไม่เจอ เกมเด้ง เกมค้าง ติดบั๊ก ถือเป็นประสบการณ์ที่ดีมาก เกมใช้ Unreal Engine 4 พัฒนาตั้งแต่ปี 2019 แต่กราฟิกสวยงาม มี 3 โหมด: Performance (2K/60 FPS), Balanced (4K Upscales/60 FPS) และ Resolution (4K/30 FPS) ต่างกันที่ Texture และเงาเล็กน้อย
แนะนำโหมด Balanced ภาพคมชัด เฟรมเรต 60 FPS เหมาะกับเกม Action แลกความสวยงามเล็กน้อยเพื่อการเล่นที่ลื่นไหล

Sound Design (6/10) - ดี แต่ใช้ผิดจังหวะ

ดนตรีและเพลงประกอบดี แต่จังหวะการใช้ไร้ศิลปะ ใส่เพลงทุกช่วง ไม่คำนึงถึงเนื้อหา เพลงชิลระหว่างเดินเล่น เพลงมันส์ตอนต่อสู้ เพลงเปลี่ยนตอนฟื้นฟู HP อัดแน่นด้วยเสียงดนตรี เสียอรรถรส เช่น ฟังเรื่องเศร้าแต่เพลงชิล ให้อารมณ์เหมือนเล่นเกมสยองขวัญแต่เปิดเพลง Rock

ปิดหรือเบาเสียงเพลงได้ แต่ไม่ใช่สิ่งที่ผู้เล่นต้องทำ ดนตรีในภารกิจหลักดี แปลกใหม่ ควรลดดนตรีประกอบ ให้หูโล่งบ้าง องค์ประกอบอื่นดี แต่เสียงพากย์ไม่อิน ปากไม่ตรงกับเสียง จุดด้อยหลักคือเพลงที่ใช้มากเกินไป เสียงพากย์แบน

Stellar Blade

8.0 / 10 คะแนน

Stellar Blade ก้าวข้ามดราม่า พิสูจน์ว่าไม่ได้มีดีแค่ความเซ็กซี่ โลกของเกมน่าติดตาม เกมเพลย์ผสมผสานหลายแนว เล่นสนุก ติดหนึบ ไม่ยากเกินไป Casual ก็เล่นได้ จับจังหวะได้ก็เล่นจบได้ไม่ยาก Stellar Blade คือเกมดีที่ไม่ควรพลาด แม้จะมีจุดด้อยบ้าง แต่โดยรวมถือเป็นเกมที่คุ้มค่าแก่การลอง

แชร์เรื่องนี้:
HallZy
HallZy

Content Writer

เรื่องที่เกี่ยวข้อง