ตลอดหลายทศวรรษที่ผ่านมา Nintendo ได้สร้างชื่อเสียงในฐานะบริษัทที่มุ่งมั่นในด้านนวัตกรรม มากกว่าการอัปเกรดเครื่องเกมแบบเดิมๆ ตัวอย่างชัดเจนที่สุดคือ Wii และ DS ที่ผลักดัน Nintendo ให้ก้าวขึ้นสู่ความนิยมระดับสูงด้วยการเข้าถึงกลุ่มผู้เล่นทั่วไป ไม่ใช่แค่แฟนเกมฮาร์ดคอร์เท่านั้น
แต่สำหรับ Switch 2 นั้น Nintendo ดูเหมือนจะเล่นเกมแบบ "ปลอดภัย" มากขึ้น โดยเลือกพัฒนาเครื่องจาก Switch รุ่นแรกในลักษณะอัปเกรดพลังประมวลผล หน้าจอใหญ่ขึ้น ความละเอียดสูงขึ้น และอาจรองรับ 4K / 120FPS โดยรวมยังคงรักษารูปแบบ "ไฮบริด" ไว้ ซึ่งก็สมเหตุสมผล เพราะเสียงตอบรับจากแฟนๆ ส่วนใหญ่ยังคงพอใจกับคอนเซปต์ของ Switch รุ่นแรก และยังไม่อยากย้ายไปแพลตฟอร์มใหม่แบบพลิกโฉม
แต่ในบทสัมภาษณ์กับ Easy Allies คุณ Shuhei Yoshida อดีตหัวเรือใหญ่ของฝั่ง PlayStation มองว่า Nintendo อาจ "สูญเสียตัวตน" กับ Switch 2
“สำหรับผม มันเป็นข้อความที่ปนเปจาก Nintendo นะ ในมุมหนึ่ง ผมคิดว่า Nintendo กำลังสูญเสียเอกลักษณ์ ในความคิดผม พวกเขามักจะเน้นการสร้างประสบการณ์ใหม่ ออกแบบฮาร์ดแวร์และเกมควบคู่กันเพื่อมอบประสบการณ์ที่ไม่เหมือนใคร
แต่ Switch 2 ก็อย่างที่ทุกคนคาดไว้ มันก็คือ Switch ที่ดีกว่า ใช่ไหมล่ะ? หน้าจอใหญ่ขึ้น โปรเซสเซอร์แรงขึ้น ความละเอียดสูงขึ้น รองรับ 4K, 120fps… พวกเขายังเริ่มต้นพรีเซนต์ด้วยทีมฮาร์ดแวร์ เหมือนที่แพลตฟอร์มอื่นเขาทำกัน และเพราะมันคือ Switch ที่ดีกว่า จุดขายหลักของมันก็คือ ‘เราทำให้ทุกอย่างดีขึ้น’ ซึ่งมันคือสิ่งที่บริษัทอื่นทำกันมาตลอด”
คุณ Shuhei Yoshida อดีตหัวเรือใหญ่ของฝั่ง PlayStation
เขายังเสริมอีกว่า สำหรับผู้ที่เล่นแค่เครื่อง Nintendo อย่างเดียว การที่ Switch 2 เข้าใกล้ความสามารถของแพลตฟอร์มอื่นถือเป็นเรื่องดี แต่สำหรับกลุ่มเกมเมอร์ที่เล่นหลายแพลตฟอร์มพร้อมกัน เขากลับมองว่าเกม third-party ที่โชว์ใน Nintendo Direct นั้น “ก็แค่…โอเคแหละ”
ถึงอย่างนั้นก็อย่าลืมว่า Nintendo เคยทำเครื่องที่เป็นการอัปเกรดจากรุ่นก่อนมาก่อนแล้ว เช่น Game Boy ไป Game Boy Advance หรือ DS ไป 3DS ซึ่งไม่ใช่เรื่องใหม่ และถ้ามองว่า Switch 2 มาพร้อมฟีเจอร์อย่าง Game Chat หรือรองรับเมาส์ ก็พอจะนับว่าเป็นนวัตกรรมใหม่ที่ทำให้มันแตกต่างจากเครื่องเกมอื่นอยู่บ้าง
ที่มา nintendolife
